วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

available

0 ความคิดเห็น เขียนโดย makerealfreemoneyonline on 07:13


 Are you available? แตกต่างกันประโยคว่า Is it available? อย่างไร
คำนี้ออกเสียงว่า เออะเวเหลอะเบิ้ล หมายถึง ที่มีได้ ที่หาได้ ที่ใช้ได้ เช่น
        The information is available at the counter.
        ข้อมูลนี้หาได้ที่เคาน์เตอร์
        The products are available at the malls.
        สินค้าเหล่านี้หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้า
        นอกจากความหมายนี้แล้ว เรายังสามารถใช้ในความหมายว่า ว่าง เช่น      
        Are you available this weekend?
        คุณว่างไหมสุดสัปดาห์นี้
        และก็สามารถใช้ในความหมายว่า ว่างพร้อมที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ได้เช่นกัน เช่น
        He is a  good doctor. He is always available for his patient.
        เขาเป็นหมอที่ดี เขาว่างเสมอสำหรับคนไข้ของเขา
        That teacher is available to give advice to students.
        ครูคนนั้นมีเวลาว่างที่จะให้คำปรึกษากับนักเรียนเสมอ
        และยังใช้ในความหมายว่า เป็นโสด (ยังว่างอยู่ ไม่มีใครมาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ) อาจจะแต่งงานแล้วหย่า ก็เลยเป็นโสดอยู่ เช่น
        She was married two years age. But now she is available.
        หล่อนแต่งงานเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ตอนนี้โสด (หย่าแล้วหรือแฟนตายก็ได้)

My student got straight A อันนี้ก็ผิดนะครับ

0 ความคิดเห็น เขียนโดย makerealfreemoneyonline on 07:10
  My student got straight A.
        นักเรียนคนนี้เรียนได้เกรดเอรวด
  ประโยคนี้คือ อีกประโยคหนึ่งที่คนไทยเรามักใช้ผิดกันบ่อยมากๆๆ

ที่ถูกต้องเราต้องใช้ว่า ->  My student got straight A’s. นะครับ



        การบรรยายว่า ใครได้เกรดเอทุกวิชานั้น ต้องใช้เครื่องหมาย ‘s ไว้หลัง A ทุกครั้ง
        มีอีกวิธีหนึ่งในการบรรยายว่า นักเรียนได้เกรดเอ ก็คือ
My student is an A student.
เมื่อเราต้องการจะลอกว่า นักเรียนคนใดได้เกรดอะไร เราจะใช้คำว่า
To get a/an เกรด in วิชานั้น ๆ เช่น
He got an A in English.
He got a B in French.
He got a C in logics.
She got a D in computers.
She got an F in math. เป็นต้น
และหากต้องการจะบรรยายว่า ใครสอบตกนั้น เขาใช้ว่า
My friend flunked English last semester.
เพื่อนของฉันสอบตกวิชาภาษาอังกฤษเมื่อเทอมที่แล้ว
คำว่า flunk นั้น สามารถใช้ได้ทั้งคนที่สอบตกวิชานั้นหรือผู้สอนให้ตกหรือให้ “F” ก็ได้เช่น
The teacher flunked him in English last semester.
ครูให้เขาสอบตกวิชาภาษาอังกฤษเมื่อเทอมที่แล้ว
ดูประโยคต่อมา  
His English was so poor that his teacher flunked/failed him.
ภาษาอังกฤษเขาแย่มากจนครูให้เขาสอบตก
He passed the written test, but failed the oral test.
เขาสอบผ่านข้อเขียนแต่สอบตกข้อสอบปากเปล่า
เมื่อต้องการถามเพื่อนหรือใครก็ตามว่า สอบผ่านหรือเปล่า เราสามารถใช้ว่า
Did you pass? สอบผ่านไหม
No, I failed.  ไม่ ฉันสอบตก
How was the test? วิชานี้สอบเป็นไงบ้าง
การตอบ หากทำได้ดี ก็ตอบว่า  I did it pretty well.
หากพอทำได้  I did it fairly well.
หากทำได้  I did it badly.
How well did you do on the test? คุณทำวิชานี้ได้ดีแค่ไหน
หากสอบตกในวิชาไหนแล้วต้องลงใหม่ เราจะใช้ว่า
I think I have to repeat it/take it again.

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

You are over. และ It is in trend.

0 ความคิดเห็น เขียนโดย makerealfreemoneyonline on 12:25
You are over. (เธอทำอะไรเวอร์ๆ)
สำนวนนี้คนไทยขอบพูดในลักษณะที่ว่า ทำอะไรเกินจริง เช่น พูดเกินจริงหรือทำเกินจริง ในภาษาอังกฤษนั้นเขาใช้แยกกัน หากเป็นการพูดเกินจริงเขาใช้ว่า
หากต้องการใช้คำนามให้ใช้คำว่า difference หมายถึง อะไรคือความแตกต่าง
 You’re exaggerating อ่านว่า เอ๊กส์แซ๊กเจอเร็ทติ่ง ดังนั้นหากจะบอกใครว่า อย่าโม้หรืออย่าพูดอะไรเกินจริงนั้น เขาให้ใช้ว่า Don’t exaggerate. หรือ Stop exaggeration! (เน้นพูด)
        ส่วนประโยคนี้ เขาเอาไว้ใช้เมื่อต้องการจะสื่อว่า ทำอะไรเกินจริง (ทำอะไรเวอร์ๆ) หรือแสดงอารมณ์ที่เกินจริง เขาจะให้ใช้ว่า You’re overacting. หรือตอนที่จะเบรกใครไม่ให้เกิดอาการอย่างที่ว่าก็ใช้ไปเลยว่า Hey! Don’t overact. หรือ Hay! Stop overacting! เฮ๊ยๆ หยุดเว่อร์ได้แล้ว

It is in trend.


คำนี้หมายถึง อะไรก็ตามที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นความคิด เสื้อผ้า หรืออะไรก็ตามที่ทันสมัย ดังนั้น เราสามารถใช้คำว่า Fasthionable แทนคำนี้ได้เลย เช่น trendy ideas ความคิดที่ทันสมัย  / a trendy haircut ทรงผมที่ทันสมัย ดังนั้น ที่ถูกต้องเราต้องใช้ว่า It's trendy.
        แต่หากต้องการจะใช้ว่าสิ่งใดกำลังอยู่ในสมัยนิยม เราสามารถใช้ว่า Dark clothes are in today.  สำนวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง To be in นั่นก็มีความหมายเช่นเดียวกับสำนวนว่า  to be trendy

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

No have. และ What different?

0 ความคิดเห็น เขียนโดย makerealfreemoneyonline on 03:36

    No have.
        I don’t have
        I no have.
สำนวนที่หมายถึงไม่มีนั้นสามารถพูดได้ดังนี้ คือ
    Sorry! I don’t have any.
        ประโยคนี้เป็นการกล่าวโดยทั่วไป ใช้ได้ในทุกสถานการณ์
        ส่วนประโยคนี้ ผู้พูดต้องรู้ว่า สิ่งที่กำลังพูดอยู่นั้นเป็นของสิ่งเดียวหรือของหลายสิ่ง เพราะหากเป็นของสิ่งเดียวก็ใช้ “it” หากเป็นของหลายสิ่งก็ให้ใช้ “them
        Sorry! I don’t have it/them.


    


What different?
ประโยคนี้คนไทยต้องการสื่อว่า อะไรคือความแตกต่าง ปัญหาอยู่ตรงที่คำว่า different นั้นเป็นคำคุณศัพท์ต้องใช้กับกริยา to be อ่านว่า ดิฝเฝอะเริ่นท์ ส่วนคำนามนั้นคือ difference อ่านว่า ดิฝเฝอะเริ่นส์ ต่างกันตรงการออกเสียงตัว “s” และตัว “t” และการใช้แตกต่างกันดังนี้
หากต้องการใช้คำนามให้ใช้คำว่า difference หมายถึง อะไรคือความแตกต่าง
þ     What is the difference? หรือ What’s the difference?
        แต่หากเป็นคำคุณศัพท์ ก็ให้ใช้คำว่า how เช่น
        How different? หรือ
        How is it different?
        แต่ถ้าหากต้องการจะระบุว่าอะไรแตกต่างจากอะไรก็ให้ใช้ว่า
        What is the difference between สิ่งหนึ่ง and อีกสิ่งหนึ่ง? เช่น
        What is the difference between mangoes and bananas? เป็นต้น หรือ
        How are mangoes different from bananas?

การใช้ a lot of,much,many

0 ความคิดเห็น เขียนโดย makerealfreemoneyonline on 03:33
บทความนี้สำหรับผู้ที่สับสนหรือต้องการใช้คำว่า"มาก"ในภาษาอังกฤษ

คำว่า "มาก" ในภาษาอังกฤษมี"มาก" สมกับความของตัวมันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น very ,so,lots of,a lot of,much,many ETC. และผมว่าน่าจะยังมีที่ไม่ได้กล่าวในที่นี้ อีก จำนวนนึงเลยล่ะ  แล้วอย่างนี้ เราก็ต้องมาเรียนรู้วิธีใช้คำว่ามากกันทีละตัวเลยใช่มั้ย ก็ดีนะผมว่าจะได้ได้ความรู้ภาษาอังกฤษ "มาก"ๆ ไง "มาก" อีกแระ   ขนาดผมเขียนมาไม่กี่บรรทัดก็ ใช้คำว่ามากไป ไปหลายคำเลยทีเดียว แต่ที่ผมจะมาแนะนำในที่นี้ ผมได้ คัดเอามา 3 คำที่สามารถนำไปใช้ได้ครอบคลุมในระดับหนึ่งเลยทีเดียว


คำแรกที่จะขอกล่าวถึงคือ " a lot of" มากสมคำเลยคับมี 3 คำ กับ 2 วรรค เลยล'ะ
คำว่า "a lot of"  แปลว่า "มาก"  เรานำมาใช้กับประโยคบอกเล่าทั่วไปได้เลยครับ แบ่งวิธีใช้เป็น

1. a lot of + คำนามนับได้ เช่น  a lot of pens,a lot of cars สังเกตุนะ  นั่นคือ คำนามข้างหลังมันต้องทำให้อยู่ในรูปพหูพจน์ด้วยครับ จะได้เป็น  a lot of + คำนามนับได้พหูพจน์ ยกตัวอย่างประโยค เช่น

There are a lot of cars in the park.
There are a lot of rats in   dirty kitchen.

2.a lot of +คำนามนับไม่ได้ เช่น a lot of money , a lot of people ในกรณีเขียนคำนามนับไม่ได้เหล่านี้ต่อท้ายคำว่า a lot of  ได้เลยครับ เช่น
A lot of  people like to play on the computer.
There are a lot of water for you.

ต่อไปก็มาถึงอีก 2 คำที่จะแนะนำครับนั่นคือ Much ,many
การใช้ 2 คำนี้ไม่ยากครับ คือ 2 คำนี้เราจะนำไปใช้ในประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธต่างๆครับ  แบ่งเป็น


1.many เราจะไนำไปใช้กับประโยคคำถามและปฎิเสธสำหรับคำนามนับได้ครับ เช่น

How many shops does  on  this  market.
 มีร้านค้ามากเท่าไหร่ที่ตลาดแห่งนี้
There aren't  many  pens to lost in my bag.
ไม่มีปากกาหายเลยในกระเป๋าของฉัน

2.ส่วน much เราจะนำไปใช้กับประโยคคำถามและปฏิเสธ สำหรับคำนามนับไม่ได้ครับ เช่น

How much water have you need?
 คุณต้องการน้ำมากเท่าไหร่ครับ
There wasn't  many people to steal things.
ไม่มีใครเลยที่ขโมยสิ่งของ


สรุป เราใช้  a lot of เมื่อต้องการบอกว่ามากในประโยคบอกเล่า และเราจะใช้  many กับ much.เมื่อต้องการบอกว่า มาก ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถามนะครับ

ง่ายใช่มั้ยครับ(หรือเปล่า)กับวิธีใช้ 3 คำนี้ ลองดูนะกันนะครับ *********




วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

การใช้ comment

0 ความคิดเห็น เขียนโดย makerealfreemoneyonline on 12:51

  I no comment
ประโยคที่ถูกต้อง คือ
   I have no comment.
ต้องใส่กริยาให้ หรือไม่ก็ใช้ว่า
No comment. และออกเสียงว่า คามเม็นท์ โดยออกเสียงเน้นไปที่พยางค์แรก หมายความว่า ไม่มีความเห็น และหากต้องการจะถามใครว่า มีความเห็นไหม เราก็สามารถใช้ว่า Any comment? มีความเห็นไหม เช่นกัน
I’m not in the position to comment on that matter.
ฉันไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ความเห็นอะไรได้
ในสำนวนนี้เราใช้ comment ในรูปของคำกริยา การออกเสียงเหมือนเดิมแต่ใช้ บุพบท on+ สิ่งที่ต้องการจะออกความเห็น
I can’t make a comment on that issue.
หากต้องการใช้ในรูปของคำนาม ก็สามารถใช้ในสำนวนว่า To make a  comment on+ สิ่งที่ต้องการจะออกความเห็น เป็นต้น
และคำนี้สามารถนำมาใช้ในสำนวนเช่นที่ว่า
We welcome your comments on this topic
เรายินดีรับฟังความเห็นในเรื่องนี้ของคุณ

การใช้ affect และ effect

0 ความคิดเห็น เขียนโดย makerealfreemoneyonline on 12:50


        It has an affect on the policy.

คนไทยสับสนสองคำนี้ คำว่า affect นั้นเป็นคำกริยา อ่านว่า เออะเฟ็คท์ ส่วนอีกคำหนึ่งนั้นเป็นคำนามคือ effect อ่านว่า อิเฟ็คท์ ทั้งสองคำนี้มีความหมายเหมือนกันแต่ออำเสียงต่างกัน และสำนวนที่เราใช้กันคือ

To affect something

To have an effect on something

     It has an effect on the policy.

It affects the policy.

คำที่น่าสนใจ คือ effective นั้น อ่านว่า อิเฟ็คถีฝ หมายถึง ที่มีประสิทธิผล มีผลใช้บังคับ เช่น

The agreement is effective from today.

ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้

คำว่า effect ที่นำไปใช้ในวงการบันเทิง เช่น sound effect คนไทยจะออกเสียงผิดว่า ซาว เอ๊ฝเฝ็ค ซึ่งที่ถูกต้องนั้นต้องออกเสียงว่า ซาว อีเฝ็คท์ และ special effects อ่านว่า สะเปเซิ่ล อีเฟ็คส์ หมายถึงเทคนิคพิเศษทางภาพและเสียง คำว่า effects ในที่นี่มี “s” ตลอดกาล ดังนี้นหากจะบรรยายว่า เขาเป็นคนที่ออกแบบเทคนิคพิเศษ ก็ต้องใช้ว่า He is a special effects designer.

Side effect อ่านว่า ซายด์ อิเฟ็คท์ หมายถึง ผลข้างเคียง